วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556

สาธารณรัฐตุรกี Republic of Turkey




ข้อมูลทั่วไปของตุรกี 

เมืองหลวงของตุรกีคือ เมืองอังการา (Ankara) อังการาเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากอิสตันบูล ตั้งอยู่ในจังหวัดอังการาอยู่ที่ระดับความสูงเฉลี่ย 938 เมตร มีประชากรประมาณ 3.9 ล้านคน


เมืองที่ใหญ่ที่สุดของตุรกีคือ เมืองอิสตันบูล (Istanbul) เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกี ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย)

ตุรกี หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐตุรกี (Republic of Turkey) เป็นประเทศที่มีดินแดนทั้งในบริเวณเธรซ บนคาบสมุทรบอลข่านในยุโรปตอนใต้ และคาบสมุทรอานาโตเลียในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ตุรกีมีพรมแดนทางด้านทิศตะวันออกติดกับประเทศจอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน และอิหร่าน มีพรมแดนทางด้านทิศใต้ติดกับอิรัก ซีเรีย และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนทางทิศตะวันตกติดกับกรีซ บัลแกเรีย และทะเลอีเจียน ทางเหนือติดกับทะเลดำ ส่วนที่แยกอานาโตเลียและแทรสออกจากกันคือทะเลมาร์มารา และช่องแคบตุรกี (ช่องแคบบอสฟอรัสและช่องแคบดาร์ดาเนลเลส) ซึ่งมักถือเป็นพรมแดนระหว่างทวีปเอเชียกับยุโรป จึงทำให้ตุรกีเป็นประเทศที่มีดินแดนอยู่ในหลายทวีป

ตุรกี เป็นดินแดนที่กวีเอกโฮเมอร์ (Homer) รจนามหากาพย์อีเลียด (Ilias) ตามแรงบันดาลใจเมื่อได้เห็นฝั่งทะเลอีเจียน ดินแดนที่มาร์ก แอนโทนีและคลีโอพัตราเลือกมาฉลองความหวานชื่ผนแห่งน้ำผึ้งพระจันทร์ ดินแดนแห่งสิ่งมหัสจรรย์ของโลกยุคโบราณ เช่น สุสานแห่งเมืองฮาลิคาร์นัสซุส (Maausoleum in Halicarnassus) และวิหารเทพีอาร์ทีมิสในเอฟซุส สัมพัสทะเลงดงามที่เทพีวีนัสเคยสรงสนาน และเพลิดเพลินไปในดินแดนที่เทพีสุริยะให้สมญานามว่า อนาโตเลีย (Anatolia)

ตุรกีเป็นประเทศสองทวีปที่มีดินแดนอยู่ทั้งในทวีปเอเชียและทวีปยุโรป ตุรกีในฝั่งเอเชียซึ่งครอบคลุมบริเวณส่วนใหญ่ของคาบสมุทรอานาโตเลีย นับเป็นพื้นที่ร้อยละ 97 ของประเทศ และถูกแยกจากตุรกีฝั่งยุโรปด้วยช่องแคบบอสพอรัส ทะเลมาร์มะรา และช่องแคบดาร์ดาเนลเลส (ซึ่งรวมกันเป็นพื้นน้ำที่เชื่อมระหว่างทะเลดำกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน) ตุรกีในฝั่งยุโรปซึ่งตั้งอยู่บนคาบสมุทรบอลข่านมีพื้นที่คิดเป็นร้อยละ 3 ของทั้งประเทศ ดินแดนของตุรกีมีรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีความยาวมากกว่า 1,600 กิโลเมตร และกว้างประมาณ 800

ตุรกีฝั่งเอเชียที่มักเรียกว่าอานาโตเลียหรือเอเชียไมเนอร์ประกอบ ด้วยที่ราบสูงในตอนกลางของประเทศ อยู่ระหว่างเทือกเขาทะเลดำตะวันออกและเกอรอลูทางตอนเหนือกับเทือกเขาเทารัส ทางตอนใต้ และมีที่ราบแคบ ๆ บริเวณชายฝั่ง ทางตะวันออกของตุรกีมีลักษณะเป็นภูเขาและเป็นต้นน้ำของแม่น้ำหลายสายเช่น แม่น้ำยูเฟรติส แม่น้ำไทกริส และแม่น้ำอารัส นอกจากนี้ยังมีทะเลสาบวัน และยอดเขาอารารัด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของตุรกีที่ 5,165 เมตร

ตุรกีมีเนื้อที่ทั้งประเทศประมาณ 780,695 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ใน 2 ทวีส่วนที่เหลือในเอเป คือ เอเชีย และยุโรบ ส่วนที่เหลืออยู่ในเอเชีย 97% เรียกว่า อนาโตเลีย (Anatolia) ภาษาตุรกี เรียกว่า อนาโดหลุ (Anadolu) และ อีก 3% อยู่ในยุโยปเรียกว่า เทรซ (Thrace) พรหมแดนด้านยุโรปติดกับกรีซและบัลแกเรียด้านเอเชียร์ติดกับจอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจัน อิหร่าน อิรัก และซีเรีย มีทะเลล้อมล้อม 3 ด้าน ทะเลดำทางทิศเหนือ เมดิเตอร์เรเนียน ทางทิศใต้ และทะเลอีเจียนทางทิศตะวันตก

สภาพภูมิประเทศที่หลากหลายนั้นเป็นผลมาจากการเคลื่อนไหวของเปลือกโลกที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายพันปี และยังคงปรากฏให้เห็นในปัจจุบันในรูปของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ และภูเขาไฟระเบิดใน บางครั้ง ช่องแคบบอสฟอรัสและช่องแคบดาร์ดาเนลเลสก็เกิดจากแนวแยกของเปลือกโลกที่วาง ตัวผ่านตุรกีทำให้เกิดทะเลดำขึ้น ทางตอนเหนือของประเทศมีแนวแยกแผ่นดินไหววางตัวในแนวตะวันตกไปยังตะวันออก ซึ่งเป็นสาเหตุของแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปีพ.ศ. 2542



สภาพภูมิอากาศของตุรกี
ด้านที่ติดกับชายฝั่งด้านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน กล่าวคือหน้าร้อนอากาศร้อนและแห้งแล้ง ส่วนหน้าหนาวอากาศอบอุ่นและมีฝนตก เทือกเขาที่ตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งเป็นตัวกั้นทำให้ภูมิอากาศตอนกลางของประเทศ เป็นแบบภาคพื้นทวีป ซึ่งมีความแตกต่างระหว่างฤดูอย่างเห็นได้ชัด ฤดูหนาวบริเวณที่ราบสูงตอนกลางหนาวมาก อุณหภูมิลดลงถึง -30 ถึง -40? อาจมีหิมะปกคลุมนานถึง 4 เดือนต่อปี
 
ฝั่งตะวันตกของตุรกีมีอุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูหนาวต่ำกว่า 1 ? ฤดูร้อนร้อนและแห้งแล้ง ในตอนกลางวันมีอุณหภูมิสูงกว่า 30? ปริมาณหยาดน้ำฟ้าเฉลี่ย ต่อปีประมาณ 400 มิลลิเมตร ซึ่งปริมาณจริงแตกต่างกันไปตามระดับความสูง บริเวณที่แห้งแล้งที่สุดคือที่ราบกอนยาและที่ราบมาลาตยาซึ่งมีปริมาณน้ำฝนเฉ ลี่ยนต่อปีต่ำกว่า 300 มิลลิเมตร เดือนที่มีฝนมากที่สุดคือเดือนพฤษภาคม และเดือนที่แล้งที่สุดคือเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม
 
ตุรกีมีจำนวนประชากรทั้งหมดประมาณ 69,660,559 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวเติร์ก (85%) และเคิร์ด (15%) นอกจากนั้นเป็นชนกลุ่มน้อยเชื้อสายลาซ เฮมซิน อาหรับ ยิว กรีก และอาเมย์เนียน ประชากรกว่าครึ่ง (59%) อาศัยอยู่ตามเมืองใหญ่โดยเรียงตามลำดับ ดังนี้ อิสตันบลู (Istanbul) อังการา (Ankara) อิสมีร์ (Izmir) อาดานา (Adana) คอนยา (Konya) บูร์ซา (Bursa) และอันตาเลีย (Antalya) ประชากร 99% นับถือศาสนาอิสลาม ที่เหลือนับถือคริสและยิว
 
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวตุรกีจำนวนมากอพยพไปยังยุโรปตะวันตก (โดยเฉพาะเยอรมนีตะวันตก) เนื่องจากความต้องการแรงงานในยุโรปเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดชุมชนชาวตุรกีนอกประเทศขึ้น แต่ในระยะหลังตุรกีกลับกลายเป็นจุดหมายของผู้อพยพจากประเทศข้างเคียง ซึ่งมีทั้งผู้อพยพที่ปักหลักอยู่ในประเทศตุรกี และผู้ที่ใช้ตุรกีเป็นทางผ่านต่อไปยังประเทศกลุ่มยุโรป
 
ศาสนาในตุรกี ร้อยละ 99 นับถือศาสนาอิสลาม ที่เหลือเป็นคริสต์นิกายกรีกออร์ทอดอกซ์ คริสต์นิกายจอร์เจียนออร์ทอดอกซ์ คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ และยิว
 
การศึกษา ตุรกีกำหนดให้เด็กทุกคนต้องเข้าโรงเรียนเมื่ออายุได้ 7 ปี และศึกษาอยู่ในโรงเรียนภาคบังคับเป็น 8 ปี จึงมีการสอบระดับประเทศเด็กจบการศึกษาสามารถเลือกเรียนต่อมัธยมในโรงเรียน ของรัฐหรือเอกชน ซึ่งแบ่งการเรียนการสอนเป็นแบบภาษาตุรกีจะใช้เวลา 3 ปี และแบบอังกฤษใช้อังกฤษใช้เวลา 4 ปี จากนั้นจึงเป็นการสอบแข่งขันระดับประเทศอีกครั้งเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับ อุดมศึกษาหรือมหาวิทยาลัย ตุรกีมีโรงเรียนประถมประมาณ 45,870 แห่ง โรงเรียนฝึกหัดอาชีพ 1,900 แห่ง และมหาวิทยาลัย
 
ภาษา ภาษาราชการคือ ภาษาตุรกี (Turkish) ภาษาอื่นที่ใช้ในประเทศได้แก่ เคิร์ด (Kurdish) และอารบิก ( Arabic)
 
การแบ่งเขตการปกครองของตุรกี ตุรกีแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 81 จังหวัด
 
การเมืองการปกครอง ตุรกีมีระบบการเมือง เป็นแบบสาธารณรัฐ ที่แยกศาสนาออกจากการเมือง มีการปกครองแบบรัฐสภา โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ และนายยกรัฐมนตรีเป็นผู้นำรัฐบาล ประธานาธิบดีเป็นประมุขมาจากการเลือกตั้งของสภาแห่งชาติ ดำรงวาระตำแหน่งวาระละ 7 ปี มีนายกรัฐมนตรี ซึ่งมาจากการแต่งตั้งของประธานาธิบดี
สถาบันทางการเมือง สภาแห่งชาติเป็นสภาเดียว มีสมาชิกจำนวน 550 คน การเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติกระทำทุก 5 ปี
 • ธงชาติ ธงชาติตุรกีเป็นสีแดง มีรูปจันทร์เสี้ยวและดาวสีขาวอยู่กึ่งกลางมีเรื่องเล่าว่าคืนแรกที่สุลต่านองค์แรกของออตโตมันเข้ามายังดินแดน อนาโตเลีย พื้นดินนองไปด้วยเลืออดแดงฉาน และมีเงาสะท้อนของจันทร์เสี้ยวกับดาวบนกองเลือด จันทร์เสี้ยวและดาวจึงเป็นสัญญาลักษณ์นับแต่บัดนั้นจนปรากฏอยู่บนธงชาติตุรกีในปัจจุบัน ส่วนเพลงชาติของตุรกีคือ อิสทิคลัลมาร์ชึ (Istiklal Marsi)

เศรษฐกิจ ตุรกีเป็นประเทศเกษตรกรรม สามารถผลิตอาหารได้เพียงพอต่อการเลี้ยงคนในประเทศ ผลผลิตที่สำคัญของประเทศคือ มะกอก ฝ้าย ใบชา ยาสูบ ผลไม้ ผัก ปลา ปศุสัตว์ และยังมีการทำเหมืองแร่ ตลอดจนอุตสาหกรรมหนักบางประเภทซึ่งจะไม่กล่าวถึงในที่นี้ ส่วนสินค้าส่งออกสำคัญคือ ฝ้าย ขนสัตว์ ยาสูบ ลูกเกด แร่โครเมียม แมงกานีส และอะไหล่ยนต์ เป็นต้น



สังคมและวัฒนธรรมตุรกี
ต้นกำเนิดเชื้อสายตุรกี ในทางมานุษยวิทยาชาวตุรกีส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชนเชื้อสายTurkic หรือ Turk ซึ่งอพยพเข้ามายังอนาโตเลียจากเอเชียกลางในทศวรรษที่ 11 เติร์กเป็นชนชาติเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานย้อนหลังไปได้กว่า 4,000 ปี ถิ่นกำเนิดดั้งเดิมของชนเชื้อสายเติร์ก อยู่ในแถบเทือกเขาอัลไต (Altai Mountain) ในเอเชียกลาง(บริเวณตอนเหนือของประเทศมองโกเลียในปัจจุบัน) ด้วยเหตุนี้ ชนเชื้อสายเติร์กจึงถูกเรียกว่า “Altaic peoples” บันทึกหลักฐานเกี่ยวกับชนเชื้อสายเติร์กได้ปรากฎในบันทึกของจีน ในศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล ซึ่งกล่าวถึงชนเร่ร่อนที่อาศัยอยู่ในแถบเทือกเขาอัลไต ซึ่งจีนเรียกชนตเร่ร่อนกลุ่มนี้ว่า “Hsiung-nu” หรือ “Hun” (ตามการอ้างอิงของตะวันตก)

การขุดค้นทางโบราณคดีในประเทศมองโกเลียเมื่อไม่นานมานี้ปรากฏหลักฐานยืน ยันชัดเจนว่า ชาวเติร์กมีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบมองโกเลียในปัจจุบัน ซึ่งเคยเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยดั้งเดิมของชนเชื้อสายเติร์ก เรื่อยมาจนกระทั่งในราวศตวรรษที่ 6 ชนเชื้อสายเติร์กได้เริ่มอพยพออกจากบริเวณเทือกเขาอัลไตและได้แยกย้ายกันไป ตั้งถิ่นฐานในดินแดนต่างๆ ครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างถึงประมาณ 18 ล้านตารางกิโลเมตร สาเหตุของการเคลื่อนย้ายอพยพดังกล่าวเชื่อกันว่า มีสาเหตุมาจากปัจจัยหลายประการเช่น การเพิ่มของจำนวนประชากร เช่น การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรทำให้ต้องมีการแสวงหาพื้นที่ทำกินเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับได้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพดินฟ้าอากาศในเอเชียกลางและปัญหา กระทบกระทั่งกับเพื่อนบ้านที่เข้มแข็งกว่า

ชาวเติร์กแต่เดิมเป็นชนเร่ร่อนจึงมีการแบ่งแยกออกเป็นหลายเผ่า ตามที่ปรากฏในตราประจำตำแหน่งประธานาธิบดีของตุรกีซึ่งเป็นรูปดาวขนาดเล็ก 16 ดวง ล้อมรอบดวงดาวขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ตรงกลางดาวทั้าง 16 ดวง นี้เป็นสัญลักษณ์แทนอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของชนเชื้อสายชาวเติร์ก 16 อาณาจักร เริ่มตั้งแต่อาณาจักร Hun ซึ่งก่อตั้งในศตวรรษที่ 13 หากพิจารณาตามชาติพันธุ์วิทยาแล้ว ชาวตุรกีควรจะมีหน้าตาคล้ายคลึงกับชาวเติร์กในประเทศเอเชียกลางได้แก่ ประเทศคาซัคสถาน อุซเบกิซสถาน เติร์กเมนิสถาน และครีกีซสถาน ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับคนมองโกเลีย

อย่างไรก็ดี ชาวตุรกีในปัจุบันมีรูปร่างหน้าตาไม่ค่อยจะเหมือนชาวเติร์กในเอเชียกลาง เท่าใดนัก ทั้งนี้ อาจเพราะมีการแต่งงานข้ามชาติพันธุ์ ในช่วงที่บรรพบุรุษของชาวตุรกีในปัจจุบัน อพยพมาจากเอเชียกลางมาทางทิศตะวันตกจนกระทั่งมาตั้งหลักปักฐานลงในอนาโตเลีย ศตวรรษที่ 11 ไม่มีหลักฐานแน่ชัดพอที่จะระบุไว้ ชนเก่าแก่ที่เคยอาศัยอยู่ในอนาโตเลียก่อนที่เติร์กจะเข้ามา เช่น ฮิตไตต์ ฟรีเกีย ลิเดีย ลิเซีย อูราทู และชนกลุ่มอื่นๆ มีจำนวนหลงเหลืออยู่สักเท่าใด อาณาจักรของชนเหล่านี้แจะล่มสลายไป แต่ผู้คนในอาณาจักรเหล่านี้ไม่จำเป็นว่าจะต้องสูญสลายหายตามไปด้วย

ภายหลังตุรกีได้ลงหลักปักฐานอย่างมั่นคงในอนาโตเลียแล้ว ก็เริ่มแผ่ขยายอำนาจไปยังดินแดนต่างๆ ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรไบแซนไทน์ จักรพรรดิ์ไบเซนไทน์ในยุคหลังๆ พยายามที่จะผูกไมตรีกับเติร์ก เพื่อความอยู่รอดของตนเอง ในปี ค.ศ. 1345 สุลต่านออร์ฮัน (Orhan) พระราชโอรสของสุลต่านออสมัน ผู้สถาปนาอาณาจักรและราชวงศ์ออตโตมัน ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงธิโอโดรา พระราชธิดาของจักรวรรดิ John Cantacuzenus แห่งไบเซนไทน์ สุลต่านออร์ฮัน ทรงเป็นพระราชวงศ์ออตโตมันพระองค์แรกที่ได้พระชายาเป็นชนชั้นสูงของไบเซนไท น์ ภายหลังที่อาณาจักรออตโตมันได้แผ่ขยายอำนาจไปยังดินแดนต่างในยุโรปบอลข่าน และยุโรปตะวันออก การแต่งงานระหว่างชาวออตโตมันเติร์กกับชาวยุโรปกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น ตั้งแต่ระดับชนชั้นสูง

นอกจากแต่งงานข้ามสายพันธุ์แล้ว พลเมืองในยุโรปที่ตกเป็นเมืองขึ้นของจักรวรรดิออตโตมัน เช่น ยุโรปบอลข่าน จำนวนไม่น้อยได้หันมานับถือศาสนาอิสลาม เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งออตโตมันเรียกเก็บจากคนที่มิใช่มุสลิม ในอัตราที่สูงกว่าที่เก็บจากคนที่เป็นมุสลิมถึงร้อยละ 50 ชาวยุโรปเหล่านี้จำนวนไม่น้อยตัดสินใจหันมานับถือศาสนาอิสลาม เพื่อที่จะไม่ต้องเสียภาษีดังกล่าวและมีโอกาสทำงานราชการกับออตโตมัน ชาวยุโรปเหล่านี้จึงได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมมุสลิมออตโตมัน



ประวัติศาสตร์
ก่อนสมัยเติร์ก

คาบสมุทรอานาโตเลีย (หรือที่เรียกว่าเอเชียไมเนอร์) ซึ่งเป็นที่ตั้งของพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศตุรกี เป็นดินแดนที่มีการตั้งถิ่นฐานอย่างต่อเนื่องมายาวนานเพราะอยู่ในตำแหน่งที่เชื่อมต่อระหว่างทวีปเอเชียและยุโรป ร่องรอยการตั้งถิ่นฐานในตอนต้นของยุคหินใหม่ เช่น ชาตัลเฮอยืค (Çatalhöyük), ชาเยอนู (Çayönü), เนวาลี โจลี (Nevali Cori), ฮาจิลาร์ (Hacilar), เกอเบกลี เทเป (Göbekli Tepe) และ เมร์ซิน (Mersin) นับได้ว่าเป็นการตั้งถิ่นฐานที่เก่าแก่ที่สุดในโลก การตั้งถิ่นฐานในเมืองทรอยเริ่มต้นในยุคหินใหม่และต่อเนื่องไปถึงยุคเหล็ก ในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกไว้ ชาวอานาโตเลียใช้ภาษาอินโดยูโรเปียนภาษาเซมิติก และภาษาคาร์ตเวเลียน และยังมีภาษาอื่น ๆ อีกหลายภาษา นักวิชาการบางคนเสนอว่าอานาโตเลียเป็นศูนย์กลางที่ภาษากลุ่มอินโดยูโรเปียนนั้นกระจากออกไป

จักรวรรดิแห่งแรกของบริเวณอานาโตเลียคือจักรวรรดิของชาวอิไตต์ ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นประมาณศตวรรษที่ 18 ถึง 13 ก่อนคริสตกาล หลังจากนั้น อาณาจักรฟรีเจียซึ่งมีเมืองหลวงอยู่ที่เมืองกอร์ตีอุมมีอำนาจขึ้นมาแทนจนกระทั่งถูกทำลายโดยชาวคิมเมอเรียในศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาล แต่ชาวคิมเมอเรียก็พ่ายแพ้ต่ออาณาจักรลีเดียซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองซาร์ดีสในเวลาต่อมา ลีเดียเป็นอาณาจักรที่ร่ำรวยและเป็นผู้คิดค้นเหรียญกษาปณ์
ประมาณ 1200 ปีก่อนคริสตกาล ชายฝั่งตะวันตกของอานาโตเลียถูกครอบครองโดยชาวกรีกไอโอเลียนและอีโอเนียน ชาวเปอร์เซียแห่งจักรวรรดิอาเคเมนิดสามารถพิชิตพื้นที่ทั้งหมดได้ในศตวรรษที่ 6 ถึง 5 ก่อนคริสตกาล แต่หลังจากนั้นดินแดนแห่งนี้ก็ตกเป็นของอเล็กซานเดอร์มหาราช ในปี 334 ก่อนคริสตกาล อานาโตเลียจึงถูกแบ่งออกเป็นดินแดนเฮลเลนิสติกขนาดเล็กหลายแห่ง (รวมทั้ง บิทูเนีย คัปปาโดเกีย แพร์กามอน และพอนตุส) ซึ่งดินแดนเหล่านี้ตกเป็นของจักรวรรดิโรมันในกลางศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล ในปี ค.ศ. 324 จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ เลือกเมืองไบแซนเทียมให้เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ของจักรวรรดิโรมัน และตั้งชื่อให้ว่า โรมใหม่ (ภายหลังกลายเป็นคอนสแตนติโนเปิล และอิสตันบูล) หลังจากที่จักรวรรดิโรมันตะวันตกเสื่อมลง เมืองนี้ก็กลายเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิไบแซนไทน์

สมัยเติร์กและจักรวรรดิออตโตมัน

สุเหร่าสุลต่านอาห์เหม็ด (สุเหร่าสีน้ำเงิน) เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของอาณาจักรออตโตมัน
ตระกูลเซลจุกเป็นสาขาหนึ่งของโอกุสเติร์ก ซึ่งในคริสต์ศตวรรษที่ 9 อาศัยอยู่บริเวณตอนเหนือของทะเลแคสเปียนและทะเลอารัล ในคริสต์วรรษที่ 10 พวกเซลจุกเริ่มอพยพออกจากบ้านเกิดมาทางตะวันออกของอานาโตเลีย ซึ่งในที่สุดกลายเป็นดินแดนแห่งใหม่ของเผ่าโอกุสเติร์ก หลังจากสงครามแมนซิเกิร์ตในปี 1071 ชัยชนะของเซลจุกในครั้งนี้ทำให้เกิดสุลต่านเซลจุกในอานาโตเลีย ซึ่งเป็นเสมือนอาณาจักรย่อยของอาณาจักรเซลจุกซึ่งปกครองบางส่วนของเอเชียกลาง อิหร่าน อานาโตเลีย และตะวันออกกลาง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น