สถานการณ์ของคาบสมุทรเกาหลีขณะนี้เรียกได้ว่าตึงเครียดสุด ๆ
และต้องจับตากันแบบนาทีต่อนาที ซึ่งหลายฝ่ายต่างคอยเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด รวมถึงเตรียมวางแผนการรับมือเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลายจนปะทุกลายเป็นสงครามครั้งใหม่
อย่างไรก็ดี นับได้ว่าเป็นเวลาแค่ปีกว่าเท่านั้น หลังจากที่ คิม จอง อึน ขึ้นมารับตำแหน่งผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ แทน คิมจองอิล ผู้เป็นพ่อ ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2554 แต่ขณะนี้เขากลับกลายเป็นที่สนใจของประชาคมโลกเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ดี นับได้ว่าเป็นเวลาแค่ปีกว่าเท่านั้น หลังจากที่ คิม จอง อึน ขึ้นมารับตำแหน่งผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ แทน คิมจองอิล ผู้เป็นพ่อ ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2554 แต่ขณะนี้เขากลับกลายเป็นที่สนใจของประชาคมโลกเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับ คิม จอง
อึน เป็นบุตรชายคนโปรดของ คิม จอง อิล ที่เกิดกับ โค ยองฮี ภรรยาคนที่ 3 แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นบุตรชายของผู้นำสูงสุดของประเทศ
แต่ช่วงชีวิตวัยเด็กเขากลับไม่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนมากนัก
เนื่องจากเป็นบุตรชายคนเล็กที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะกลายเป็นคนโปรดของพ่อแทนที่จะเป็น
คิม จอง นัม บุตรชายคนโต หรือ คิม จอง ชอล บุตรชายคนกลาง
โดยในวัยเด็ก คิม จอง อึน
ได้เข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนนานาชาติในประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เขาเรียนรู้ทั้งภาษาอังกฤษ เยอรมัน และฝรั่งเศส ซึ่งหลังจากที่จบการศึกษาในปี 2541
แล้ว เขาก็ย้ายกลับมายังบ้านเกิดที่เกาหลีเหนือ
และเรียนต่อระดับมัธยมปลาย ก่อนจะเรียนต่อด้านวิชาการทหารในระดับมหาวิทยาลัย
และเริ่มเดินเข้าสู่เส้นทางการเมืองด้วยการเรียนรู้การเป็นผู้นำจากพ่อ
และเป็นผู้นำระดับสูงของพรรคแรงงานเกาหลี
นอกจากนี้ยังมีส่วนในการดูแลการทหารอีกด้วย
แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่ได้รับความสนใจมากนัก
เพราะผู้คนก็ยังจับจ้องไปที่พี่ชายทั้งสองคนของเขา
แต่แล้วเมื่อเดือนมกราคม ปี 2552
คิม จอง อิล ก็ได้ประกาศแต่งตั้งทายาทที่จะสืบต่อตำแหน่งผู้นำของเขา
ซึ่งตอนนั้นเองที่ทำให้ประชาชนหลายคนถึงกับอึ้ง
เมื่อได้รู้ว่าทายาทที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้นำแทนที่ คิม จอง อิล
นั้นไม่ใช่บุตรชายคนโตหรือคนกลางอย่างที่ได้คาดคะเนไว้แต่อย่างใด แต่กลับเป็น คิม
จองอึน บุตรชายคนเล็กซึ่งเป็นคนโปรดของ คิม จอง อิล ต่างหาก และหลังจากนั้น คิม
จอง อึน ก็กลายเป็นที่สนใจของประชาชนเรื่อยมา
และกลายเป็นบุคคลที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดไปแล้วในวันนี้
เมื่อเขาได้ผงาดครองตำแหน่งว่าที่ผู้นำระดับสูงสุดของประเทศทันทีที่ผู้นำ คิม จอง
อิล ที่รักของประชาชนชาวเกาหลีเหนือได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา
จากเหตุการถึงแก่อสัญกรรมของนายคิม
จองอิล ผู้นำเผด็จการแห่งเกาหลีเหนือวัย 69 ปี
ด้วยอาการหัวใจวาย ทำให้บรรดาสื่อมวลชนเกาหลีเหนือซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลรายงานข่าวชี้นำให้ประชาชนพร้อมใจกันสนับสนุนนายคิม
จองอึน วัย 27 ปี
บุตรชายคนเล็กของอดีตผู้นำคิมขึ้นเป็นผู้นำประเทศคนใหม่
สำนักข่าวแห่งชาติเกาหลีเหนือหรือ
"เคซีเอ็นเอ" ขนานนามคิม จองอึนว่าเป็น "ทายาทผู้ยิ่งใหญ่"
และอ้างถึงอุดมการณ์คอมมิวนิสต์แบบจูเช่
หรือจิตวิญญาณที่เน้นการพึ่งพาตนเองซึ่งเป็นอุดมการณ์หลักของพรรคแรงงานที่นำพาเกาหลีเหนือว่า
คิม
จองอึนคือหลักประกันความเชื่อมั่นที่จะสานต่อการปฏิวัติไปสู่ความสำเร็จอย่างสมบูรณ์
ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยของคิม อิลซุง ผู้ได้ฉายาว่าผู้นำอมตะของประเทศ
และสืบต่อโดยคิม จองอิล ในเวลาต่อมา
ด้านนักวิชาการฝั่งเกาหลีใต้ต่างออกมาแสดงความเห็นต่อกรณีผู้นำคนใหม่ของเกาหลีเหนือคล้ายกันว่าไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
ตลอดจนการปรับนโยบายต่างประเทศในช่วงเวลานี้คงต้องใช้ระยะเวลาอีกพักใหญ่ๆ
จึงจะได้เห็นทิศทางในอนาคตของเกาหลีเหนือ
สำหรับคิม จองอึน ได้ชื่อว่ามีประวัติส่วนตัวที่ลึกลับมากกว่าผู้เป็นพ่อ โดยรายงานระบุว่า บุตรชายผู้นี้เกิดเมื่อปี 2527 เป็นบุตรที่เกิดจากนางโก ยองฮึย นักเต้นรำเชื้อสายเกาหลีที่เกิดในญี่ปุ่นซึ่งเป็นภรรยาคนที่ 3 ของผู้นำคิม ส่วนชื่อ "จองอึน" มีความหมายว่า "หมู่เมฆาแห่งความยุติธรรม" ขณะที่สื่อของเกาหลีเรียกว่า "นายพลน้อย"
สำหรับคิม จองอึน ได้ชื่อว่ามีประวัติส่วนตัวที่ลึกลับมากกว่าผู้เป็นพ่อ โดยรายงานระบุว่า บุตรชายผู้นี้เกิดเมื่อปี 2527 เป็นบุตรที่เกิดจากนางโก ยองฮึย นักเต้นรำเชื้อสายเกาหลีที่เกิดในญี่ปุ่นซึ่งเป็นภรรยาคนที่ 3 ของผู้นำคิม ส่วนชื่อ "จองอึน" มีความหมายว่า "หมู่เมฆาแห่งความยุติธรรม" ขณะที่สื่อของเกาหลีเรียกว่า "นายพลน้อย"
คิม จองอึน
จบการศึกษาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ต่อมาได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วทั้งในพรรคและตำแหน่งในกองทัพ
โดยบุตรชายคนที่ 3 ของคิม จองอิล ปัจจุบันเป็นผู้นำระดับสูงของพรรคแรงงานเกาหลี และเป็นพลเอก
4 ดาวในกองทัพประชาชนเกาหลี หลังจากนั้นคิม
จองอึนติดตามบิดาไปปฏิบัติภารกิจยังสถานที่ต่างๆ อยู่ไม่ขาด
ขณะที่หน่วยโฆษณาชวนเชื่อก็พยายามสร้างภาพลักษณ์ให้ดูคล้ายกับ คิม จองอิล
ผู้เป็นบิดา
ด้านชอง ซองชาง ผู้เชี่ยวชาญอีกคนจากสถาบันเซจุงของเกาหลีใต้กล่าวว่า คิม จองอึนอาจกลายเป็นผู้นำที่อำมหิตไม่แพ้คิม จองอิล ผู้พ่อ แม้นักวิเคราะห์บางรายจะเคยคาดเดาว่าคิม จองชอล บุตรชายคนรองน่าจะได้รับเลือกให้มาครองอำนาจต่อจากผู้นำคิมมากกว่า แต่มีข่าวออกมาตลอดว่าจองชอลนั้นจิตใจอ่อนโยนเกินไป ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำ ส่วนคิม จองนัม บุตรชายคนโตก็หมดโอกาสสืบทอดอำนาจต่อจากพ่อ หลังปลอมแปลงหนังสือเดินทางเพื่อไปเที่ยวโตเกียวดิสนีย์แลนด์เมื่อปี 2544 จนถูกทางการญี่ปุ่นไล่ออกนอกประเทศ
ด้านชอง ซองชาง ผู้เชี่ยวชาญอีกคนจากสถาบันเซจุงของเกาหลีใต้กล่าวว่า คิม จองอึนอาจกลายเป็นผู้นำที่อำมหิตไม่แพ้คิม จองอิล ผู้พ่อ แม้นักวิเคราะห์บางรายจะเคยคาดเดาว่าคิม จองชอล บุตรชายคนรองน่าจะได้รับเลือกให้มาครองอำนาจต่อจากผู้นำคิมมากกว่า แต่มีข่าวออกมาตลอดว่าจองชอลนั้นจิตใจอ่อนโยนเกินไป ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำ ส่วนคิม จองนัม บุตรชายคนโตก็หมดโอกาสสืบทอดอำนาจต่อจากพ่อ หลังปลอมแปลงหนังสือเดินทางเพื่อไปเที่ยวโตเกียวดิสนีย์แลนด์เมื่อปี 2544 จนถูกทางการญี่ปุ่นไล่ออกนอกประเทศ
เกาหลีเหนือชูผู้นำใหม่นั่งผบ.สูงสุด คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ
ราดอง ซินมึน ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์กระบอกเสียงให้รัฐบาล
ได้พาดหัวเรียกนาย คิม จอง อึน ว่าเป็น ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของพวกเรา
ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวเป็นตำแหน่งทรงอิทธิพลของคิม จอง อิล ผู้เป็นพ่อ ก่อนอสัญกรรม
โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นสัญญาณอย่างดีถึงการครองอำนาจอย่างสมบูรณ์แบบและกุมอำนาจกองทัพของประเทศได้ทั้งหมดของนายคิม
จอง อึน ผู้เป็นบุตรชายของ คิม จอง อิล ที่จะมาสืบอำนาจต่อ
และยังเป็นการสืบทอดอำนาจจากพ่อได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย
นอกจากนี้ การมอบตำแหน่งนี้ให้นายคิม จอง อึน ยังเป็นการประกาศว่า จะดำเนินนโยบายซองกัน หรือ นโยบายกองทัพต้องมาก่อน ซึ่งเป็นนโยบายของคิม จอง อิล ที่เกาหลีเหนือได้ดำเนินนโยบายมาโดยตลอดต่อไป โดยนโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายที่ใช้ในการควบคุมประเทศและป้องกันการคุกคามจากต่างประเทศ ซึ่งนโยบายนี้ถูกใช้เป็นครั้งแรกเมื่อช่วงที่เกาหลีเหนือสร้างอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งทำให้กองทัพเกาหลีเหนือเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม นอกจากกองทัพที่ คิม จอง อึน ได้ทำการเข้าถึงและกุมอำนาจทั้งหมดแล้ว ภารกิจต่อไปของนายคิม จอง อึน ก็คือ ต้องกุมหัวใจของประชาชน ดังที่พ่อของเขาได้ทำเอาไว้ด้วย โดยคิม จอง อึน ทำตามที่บิดาได้สั่งเสียเอาไว้ก่อนตาย ได้ส่งปลาดิบให้แก่ประชาชน ร้านค้าต่าง ๆ ในกรุงเปียงยาง เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ เป็นการส่งมอบความห่วงใยให้กับประชาชนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากไปของผู้นำผู้เป็นที่รักของชาวเกาหลีเหนือ
แหล่งอ้างอิง http://hilight.kapook.com/view/65759/4
นอกจากนี้ การมอบตำแหน่งนี้ให้นายคิม จอง อึน ยังเป็นการประกาศว่า จะดำเนินนโยบายซองกัน หรือ นโยบายกองทัพต้องมาก่อน ซึ่งเป็นนโยบายของคิม จอง อิล ที่เกาหลีเหนือได้ดำเนินนโยบายมาโดยตลอดต่อไป โดยนโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายที่ใช้ในการควบคุมประเทศและป้องกันการคุกคามจากต่างประเทศ ซึ่งนโยบายนี้ถูกใช้เป็นครั้งแรกเมื่อช่วงที่เกาหลีเหนือสร้างอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งทำให้กองทัพเกาหลีเหนือเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม นอกจากกองทัพที่ คิม จอง อึน ได้ทำการเข้าถึงและกุมอำนาจทั้งหมดแล้ว ภารกิจต่อไปของนายคิม จอง อึน ก็คือ ต้องกุมหัวใจของประชาชน ดังที่พ่อของเขาได้ทำเอาไว้ด้วย โดยคิม จอง อึน ทำตามที่บิดาได้สั่งเสียเอาไว้ก่อนตาย ได้ส่งปลาดิบให้แก่ประชาชน ร้านค้าต่าง ๆ ในกรุงเปียงยาง เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ เป็นการส่งมอบความห่วงใยให้กับประชาชนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากไปของผู้นำผู้เป็นที่รักของชาวเกาหลีเหนือ
แหล่งอ้างอิง http://hilight.kapook.com/view/65759/4
마블 카지노: Play Roulette Online - La Bet 카지노사이트 카지노사이트 gioco digitale gioco digitale 629NFL Week 1 Spread Picks - TopBet
ตอบลบ