บทบาทของสตรีไทย
สตรีไทยมีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่อดีต ในทางการเมืองสตรีไทยในประวัติศาสตร์หลายคนได้มีบทบาทในการสร้างชาติไทย เช่น พระสุพรรณกัลยา พระพี่นางของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเสียสละพระองค์เป็นองค์ประกันที่เมืองหงสาวดี เพื่อแลกกับอิสรภาพของสมเด็จพระนเรศวรที่จะมากอบกู้เอกราชให้กับกรุง ศรีอยุธยาในวันข้างหน้า
ในสมัยรัตนโกสินทร์
สตรีไทยหลายคนได้มีบทบาทในการต่อสู้ทำสงครามเพื่อปกป้องบ้านเมือง เช่น
คุณหญิงจัน ภรรยาเจ้าเมืองถลาง
(ภูเก็ต) และนางมุกน้องสาว
ได้นำชาวบ้านเมืองถลางต่อสู้ต้านทานกองทัพพม่าเมื่อครั้งสงครามเก้าทัพในสมัยรัชกาลที่
1
มีความดีความชอบจนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท้าวเทพกษัตรีและท้าวศรีสุนทรตามลำดับ
ในสมัยรัชกาลที่ 3
คุณหญิงโม ภรรยาของปลัดเมืองนครราชสีมา
ได้ใช้อุบายโดยให้หญิงชาวบ้านเลี้ยงสุราอาหารแก่ทหารลาว
ทำให้กองทัพของเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ตายใจและปล่อยปละละเลยความปลอดภัย
ของค่ายทัพ
เมื่อได้โอกาสก็นำอาวุธเข้าต่อสู้กับทหารฝ่ายลาวจนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากและ
แตกทัพหนีไป ทำให้ฝ่ายไทยสามารถเอาชนะได้
ต่อมาคุณหญิงโมได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท้าวสุรนารี
นอกจากนี้ เจ้านายสตรีบางพระองค์ทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ครั้งแรกคือ
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแต่งตั้งสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี
พระอัครราชเทวีเป็นสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน เมื่อครั้งรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 1 พ.ศ. 2440 และครั้งที่ 2
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกผนวชเมื่อ พ.ศ. 2499
ทรงแต่งตั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน
ในสมัยปัจจุบัน มีสตรีไทยจำนวนมากได้มีบทบาททางการเมือง เช่น
เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
สมาชิกวุฒิสภา รัฐมนตรี
นอกจากนี้ในหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนยังมีสตรีที่ดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น
ใน
ด้านสังคมและวัฒนธรรม สตรีไทยหลายท่านมีบทบาทด้านการประพันธ์ เช่น
กรมหลวง นรินทรเทวี (เจ้าครอกวัดโพ) พระน้องนางเธอในรัชกาลที่ 1
ทรงประพันธ์จดหมายเหตุความทรงจำ
บันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ระหว่าง พ.ศ. 2310
ก่อนกรุงศรีอยุธยาจะเสียแก่พม่าจนถึง พ.ศ. 2363
ในช่วงกลางรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
นับเป็นการบันทึกข้อมูลประวัติศาสตร์ที่สำคัญสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ คุณพุ่มหรือบุษบาท่าเรือจ้าง ธิดาของพระยาราชมนตรี (ภู่
ภมรมนตรี) เป็นกวีหญิงที่มีความรู้ความสามารถ
เป็นศิษย์คนสำคัญของสุนทรภู่ และคุณสุวรรณ
ธิดาพระยาอุไทยธรรม (สกุล ณ บางช้าง)
และเป็นข้าหลวงกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ
ก็ได้เป็นศิษย์ของสุนทรภู่ด้วยเช่นกัน
ผลงานที่สำคัญ เช่น
เพลงยาวจดหมายเหตุเรื่องกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพประชวร
บทละครเรื่องพระมะเหลเถไถ และบทละครเรื่องอุณรุทร้อยเรื่อง
ดอกไม้สดประพันธ์เรื่องชัยชนะของหลวงนฤบาลผู้ดี และจิรนันท์
พิตรปรีชา ได้รับรางวัลกวีซีไรต์ เป็นต้น
ส่วน
ตัวเชื่อว่าบทบาทผู้หญิงจะช่วยลดความรุนแรงและความขัดแย้งของโลกนี้ได้แต่
ไหนแต่ไรมาโลกใบนี้ถูกออกแบบโครงสร้างการปกครองต่าง
ๆ โดยผู้ชายมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นกฎระเบียบต่างๆ
ผู้ชายก็เป็นคนร่างขึ้นจากความรู้สึกนึกคิดของตนเอง ผู้ชายเน้นหลักเหตุผล
กฎหมายระเบียบส่วนใหญ่ก็ใช้เหตุผลและตรรกะเป็นหลัก
ละเลยมิติทางความรู้สึกไปประเด็นเล็กๆน้อยๆ
เหล่านี้ที่ถูกสะสมมาเป็นพันๆ ปี
ทำให้โลกนี้ถูกออกแบบมาอย่างไม่สมดุลบางครั้งความเป็นหญิงน่าจะเข้ามาตัด
เย็บกติกาใหม่เพื่อให้เข้ากับชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสังคมบนฐานความเป็น
จริงมากขึ้น
อย่างกรณีสุขภาพของผู้หญิงกับการทำงาน8
ชั่วโมง แน่นอนว่าสรีระร่างกายของผู้หญิงย่อมสู้ผู้ชายไม่ได้อยู่แล้ว
ตรงนี้ก็ไม่ได้มีการออกแบบกฎหมายเพื่อมารองรับ
ผู้หญิงจึงเจ็บป่วยจากการทำงานเยอะมาก
กฎกติกาเพื่อผู้หญิง
ไม่ขัดกับหลักการความเท่าเทียม
กลุ่ม
เคลื่อนไหวสิทธิสตรีก็เคยตั้งคำถามประมาณนี้เหมือนกันถามถึงคำว่า"ความเท่า
เทียม"
แน่นอนย่อมไม่มีทางเท่าเทียมระหว่างหญิงกับชายได้
แต่เรากำลังต้องการให้เกิดคำว่า"ความเสมอภาค"
ระหว่างชายกับหญิงที่จะมีโอกาสต่าง ๆ
มากกว่าจะเน้นพัฒนาร่างกายหรือศักยภาพให้เท่าเทียมกันแต่ควรให้ทั้งหญิงและ
ชายมีโอกาสให้เข้าไปอยู่ในระดับการตัดสินใจในทุกระดับของสังคมสัดส่วนเท่าๆ
กัน
ปัญหาสตรีในเมืองไทยเป็นอย่างไร
ปัญหาเกี่ยวกับผู้หญิงมีเยอะมาก
บางประเด็นก็เกี่ยวข้องกับมิติวัฒนธรรมด้วย แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ
ความรุนแรงภายในครอบครัว (Domestic Violence) จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
พบว่าในทุก 4 นาทีจะเกิดปัญหานี้1 ครั้ง แต่ละปีมีจำนวนประมาณ 7
หมื่นกว่าครั้งที่เป็นการทำร้ายผู้หญิง
ดังนั้นการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ก็ต้องฟังเสียงจากผู้หญิงด้วยกัน"
มุมมองบทบาทผู้หญิงกับการเมืองไทยในสภาเมื่อเทียบกับต่างประเทศ
ก่อนอื่นต้องดูทั้งเรื่องปริมาณและคุณภาพสำหรับปริมาณผู้หญิงในสภาของไทยยังมีจำนวนน้อยมาก
นอกจากมีนายกฯหญิงแล้ว ก็มีรัฐมนตรีหญิงเพียงคนเดียว (ศันสนีย์ นาคพงศ์
รมต.ประจำสำนักนายกฯ) อย่างนี้ก็เรียกว่าไม่เสมอภาคกันแล้ว "สภาไทยต้องมีปริมาณผู้หญิงในระดับการตัดสินใจมากกว่านี้
ซึ่งตอนนี้ผู้แทนผู้หญิงในสภามีแค่ 15% ขณะที่ในหลายประเทศมีเกิน 50% ไปแล้ว เช่น
ในสภาของสวีเดน หรือสวิตเซอร์แลนด์" ส่วนเรื่องคุณภาพ
ไม่ใช่ว่าผู้ชายทำงานไม่ดี
แต่ถึงเวลาแล้วที่ผู้หญิงจะเข้ามาช่วยเสริมเติมความละเอียดอ่อนให้สังคมมากขึ้น
ต้องเกิดการเรียนรู้และพัฒนาทั้งคุณภาพและปริมาณไปพร้อม ๆ กัน
เพื่อปูทางสร้างผู้นำหญิงให้แก่สังคมในอนาคต สังคมไทยต้องเรียนรู้เรื่องนี้กันแล้ว
กลุ่มสิทธิสตรีเคลื่อนไหวนอกสภาในเมืองไทย
ประเทศไทยมีนักเคลื่อนไหวหญิงที่ทำงานภาคประชาชนเข้มแข็งมากอย่างน้อยเห็นตัวอย่าง
จากความก้าวหน้าในรัฐธรรมนูญที่มีกฎหมายหลายฉบับเกี่ยวกับผู้หญิง
พูดเรื่องสัดส่วนระหว่างหญิงกับชาย
นั่นก็แสดงว่ากลุ่มที่เคลื่อนไหวด้านนี้มีพลังมากจนนำคำพูดเหล่านี้ใส่เข้า
ไปในรัฐธรรมนูญได้
เลือกตั้งสมัยหน้า
หากนายกฯไม่ใช่ผู้หญิง การพัฒนาบทบาทสตรีจะสะดุดหรือไม่
อยาก
ให้มองทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือการเรียนรู้
ถ้าเกิดความเปลี่ยนแปลงหลังจากนี้แล้วเปลี่ยนกลับไปเป็นผู้นำชายอีก
ก็เป็นเรื่องดีที่จะได้นำมาเปรียบเทียบระหว่างลักษณะหญิงหรือชายจะช่วยอย่าง
ไรบ้าง
ถ้าได้ผู้นำชายก็สามารถนำความเป็นหญิงเข้ามาช่วยบริหารประเทศได้
ประเด็นเรื่องผู้หญิงต้องมีการพูดคุยมากขึ้นคงไม่หยุดยั้งเพียงเท่านี้
เรายังคงต้องการจำนวนผู้หญิงที่เข้ามามีส่วนในการตัดสินใจให้มากกว่านี้
ถึงจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในระดับประเทศได้แต่ถ้าเกิดได้นายกฯหญิงเป็นผู้นำ
อีกสมัยเหมือนในเยอรมนี
หรือออสเตรเลีย
เท่าที่ได้ฟังเสียงมาจากหลายประเทศ ทั้งผู้นำ
นักการทูต และสื่อต่างชาติ ค่อนข้างชื่นชอบประเทศไทยในลักษณะการพัฒนาแบบก้าวกระโดด
ถึงแม้ไทยต้องเผชิญวิกฤตภายในประเทศมากมาย แต่วันนี้เราได้ผู้นำหญิงแล้ว
ขณะที่สหรัฐยังทำไม่ได้เลย รวมถึงผู้นำหญิงของประเทศไทยอยู่บนเวทีเศรษฐกิจจำนวนเยอะมาก
เมื่อเทียบกับประเทศฝั่งอเมริกาและยุโรป
"ไทยกลายเป็นต้นแบบเรื่องนี้แล้ว
ซึ่งตอนนี้ต่างประเทศกลับอยากฟังความคิดเห็นของคนไทยมากว่า
ทิศทางอาเซียนจะไปทางไหน เพราะเห็นศักยภาพของไทยก้าวเป็นผู้นำอาเซียนได้
ทั้งมีต้นทุนเยอะ ต่างชาติชื่นชมทรัพยากรมนุษย์ของเรามาก
ด้วยความที่คนไทยเป็นคนละเอียดอ่อนรอบคอบ (Attention to Details) ขณะที่ต่างชาติต้องเสียเงินแพง ๆ ไปเรียนรู้เรื่องนี้
ทำให้ประเทศไทยยังไปไกลกว่านี้ได้มาก"
อ้างอิง
พิพิธิภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวhttps://www.facebook.com/kingprajadhipokmuseum
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น